BB
GUN
ราวๆปี พ.ศ. 2520 คนไทยจะรู้จักกับโมเดลปืนที่เป็นเหล็กบ้าง เป็น พลาสติกโมเดลที่จะต้องมาต่อและทำสีเองบ้าง
บางแบบก็สามารถยิงได้ บางแบบเป็นปืนแก๊ปที่มีแต่เสียงและยิงอะไรออกมาไม่ได้ แบบที่ยิงได้จะเป็นระบบอัดลมที่คล้ายกับระบบ
แอร์ค๊อกกิ้ง ส่วนลูกกระสุนจะเป็นลูกพลาสติกรูปทรงคล้ายกระโถนขนาด .177 นิ้ว และ 6 มม. เราจึงเรียกว่าลูกกระโถน
แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ปืนแบบนี้เป็นพลาสติกโมเดลที่จะต้องนำมาต่อและทำสีเอาเอง และพอทำสีแล้วหากนำไปเล่นบ่อยๆสีก็จะถลอกได้ จึงไม่มีใครนิยมนำออกมาเล่นกันมากนักส่วนใหญ่จะประกอบแล้วแขวนโชว์ไว้ในบ้านมากกว่า ปืนอัดลมแบบนี้ถูกจำลองมาจากปืนหลากหลายรุ่นและแบบมีทั้ง M-16 UZI AK-47 MP-5 และ อีกมากมาย แม้จะผลิตจากวัสดุที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งแรงแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักต่อโมเดลมากในยุคนั้น ส่วนห้างร้านที่นำปืนแบบนี้เข้ามาจำหน่าย ที่ใหญ่ๆก็จะมีไทยไดมารู เซ็นทรัล และ ร้านธนันต์ที่เป็นร้านขายชุดพลาสติกจำลอง ซึ่งบรรดาห้างร้านทั้งหมดนี้ล้วนมีใบอนุญาตนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ถูกต้องด้วยกันทั้งสิ้น
(ตอนนั้นขออนุญาตง่ายมากแต่ต้องต่ออายุปีต่อปี) ผมเองยังจำได้ว่าคุณพ่อเคยซื้อให้แล้วผมก็เอาไปไล่ยิงคนรับใช้ในบ้านจนโดนคุณพ่อยึดไม่ให้เล่นแล้วพ่อก็ให้ลูกพี่ลูกน้องไป ผมร้องไห้ไม่พูดกับพ่อไปเดือนนึงเต็มๆ ต่อมาไม่นานความนิยมปืนโมเดลแบบนี้ก็สลายไป และ นิ่งๆอยู่พักใหญ่ ยุคที่ 2 ปืนBB.
จนมีปืน BB. ที่เป็นปืนสั้นอัดลมและปืนอัดแก๊สเข้ามาขายความนิยมปืนอัดลมจึงเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้กระแสนิยมสูงกว่าเดิม คือ นอกจากผู้เล่นที่เป็นคนเล่นโมเดลเสียส่วนใหญ่ที่จะเล่นปืนโมเดลด้วย มาเป็นผู้เล่นที่เป็นคนธรรมดา
ที่ไม่มีพื้นฐานที่การต่อโมเดลมาก่อน เนื่องจากปืนแบบใหม่นี้ไม่ต้องประกอบเองและบางแบบก็จะมีวัสดุเป็นเหล็กจึงมีความทนทาน
กว่าปืนโมเดลแบบเรก
อีกทั้งปืน BB.ที่เป็นแก๊สยังสามารถยิงได้ต่อเนื่องในระบบเซมิออโต้ แม้จะยังไม่มีระบบโบว์แบ๊กเหมือนในปัจจุบัน
แต่มันก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ยิงได้มากกว่าปืนอัดลมแบบเก่า แค่ปืนสั้นอัดแก็ส ก็เป็นที่นิยมกันอย่างมากอยู่แล้ว
แต่เมื่อมีปืนสั้นออกมาไม่นานปืนยาวอัดแก๊สเข้ามาให้เห็นกันบ้างในประเทศไทย แต่ เหตุการผิดคาดปืนยาวอัดแก๊สกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากราคาที่สูงมากและระบบปฏิบัติการนั้นยังมีปัญหามากและอายุการใช้งานต่ำ
ซ้ำอะไหล่ก็หายากในเมืองไทย(บางแบบไม่มีอะไหล่) และ เนื่องจากเป็นปืนที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้จึงต้องใช้แก๊สในปริมาณมาก
จึงมีความสิ้นเปลืองสูงเป็นเหตุให้ต้องใช้ถังแก๊สขนาดใหญ่อยู่นอกตัวปืนโดยใช้สายลมต่อเข้ากลับตัวปืนอีกที
ด้วยความยุ่งยากอายุการใช้งานต่ำ และ ราคาที่สูงปืนยาวอัดแก๊สจึงไม่ได้รับความนิยมสูงนักในเมืองไทย ปืนBB.ในยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงความแม่นยำ ที่ไม่ต้องพูดถึงก็คือมันไม่มีเลย ในระยะ10 เมตรขึ้นไปปืน BB. ยุคนี้จะไม่สามารถคุมกลุ่มกระสุนได้เลยเพราะมันยังไม่มีฮอบอัพเหมือนปืน BB.สมัยใหม่ ผู้เล่นก็จะนิยมซื้อปืน BB.มาเก็บไว้เล่นอยู่ในบ้านหรือ เล่นยิงเป้าธรรมดา เมื่อปืนถึงอายุการใช่งานและพังไปก็ยังไม่มีใคนซ่อมได้สุดท้ายก็ต้องวางไว้เฉยๆหรือทิ้งไป เรื่องที่จะมีการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกมแบบในปัจจุบันนั้น
ยังไม่มีใครเล่นเพราะหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันยังไม่มีจึงกลัวจะเป็นอันตรายหากจะนำมาเล่นยิงกัน
(แต่ก็มีคนเล่นเหมือนกันสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันจนได้)
จนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีปืน BB.ไฟฟ้าของมารุอิ เข้ามาทำให้กระแสนิยมปืนยาวก็เริ่มสูงขึ้น เพราะปืนที่ราคาถูกกว่าปืนยาวอัดแก๊ส อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แม้อะไหล่จะยังหายากอยู่แต่ก็สามารถสั่งร้านที่นำเข้ามาให้เอามาได้ และที่สำคัญความสิ้นเปลืองก็ต่ำกว่าเพราะไม่ต้องใช้แก๊สเพียงแต่ชาร์ตแบ็ตฯให้เต็มก็สามารถยิงได้แล้ว ความนิยมปืนยาวไฟฟ้าจึงสูงมากจนไม่มีบรรดาผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงรายใดไม่เคยนำเข้ามาขายเลย ผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงทุกรายต่างแข่งกันนำปืนไฟฟ้าของมารุอิเข้ามาขายจนบางรายเลิกนำเข้าพลาสติกโมเดลและหันมานำเข้าปืน BB.ไฟฟ้านี้แทน แต่ปืนยาว BB.ยุคนี้ก็ยังไม่มีฮ๊อบอัพอยู่ดีความแม่นยำจึงต่ำไปด้วย แม้จะมีปืน BB. ไฟฟ้าแล้วการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกม ก็ยังไม่มีอยู่ดีเพราะยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน และ ไม่มีสนามให้เล่น แม็กฯโมฯก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ การเล่นส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมคือเล่นอยู่ในบ้านและสะสม
ยุคที่ 3. กีฬา BB.
เริ่มจากการเกิดขึ้นของสนาม เพนท์บอล ที่ย่านตะวันนา ข้างๆเดอะมอล์บางกะปิ โดยเจ้าของสนามและเพื่อนๆในสมัยนั้นได้เริ่มนำปืน BB. เข้ามาร่วมเล่นด้วยโดยเป็นการเล่นกันในเวลากลางคืน เพราะเหตุผลด้านกฏหมายในสมัยนั้น และในยุคแรกๆของสนามก็ยังไม่มีปืนและอุปกร BB. ให้ผู้เล่นได้เช่ามีเพียงสนามและอุปกรณ์เพนท์บอลเท่านั้น และต่อมาเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นทางสนามจึงได้มีปืนและอุปกรณ์ BB. ให้เช่าร่วมกันกับกีฬาเพนท์บอลไปด้วย สนามที่ว่านี้ก็คือสนามยุทธกีฬา ร.11 ในปัจจุบันนี้เอง เมื่อมีสนามที่ตะวันนาได้ไม่นานก็เริ่มมีสนามเกิดขึ้นมาใหม่หลายสนามแต่ส่วนมาก จะเป็นสนามเพนท์บอลซะมากกว่า ต่อมาสนามตะวันนาก็ต้องปิดตัวลงและย้ายไปอยู่ที่ตลาดปฐวิกร (หลังโรงเรียน บดินเดชา 2) ซึ่งที่นี้เองที่อาจจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของวงการ BB. ในไทยเลยก็ว่าได้ และผมเองก็ได้เริ่มเล่น BB. จากจุดนี้ และ ถ้านับถึงปัจจุบันก็ 11 ปีแล้วละครับ ด้วยเหตุที่สนามมีไม่เพียงพอรวมทั้งผู้เล่นก็ยังไม่แพร่หลายนักทำให้ผู้เล่นรวมตัวกระจุกันอยู่ที่ปฐวิกรเสียมากกว่า ในสมัยนั้นผู้เล่นยังน้อยเสียจนสามารถนับตัวผู้เล่นได้และผู้เล่นทั้งหมดส่วนมากจะรู้จักกัน และสนามเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ทำให้ BB. เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น บรรยากาศในสนามสมัยนั้นบอกได้ว่าสนุกมากครับ และมารยาทเป็นเรื่องสำคัญ มากในสมัยนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม จะได้ยินแต่คำขอโทษ สนามปฏวิกรเปิดอยู่ที่นั้นได้พักใหญ่ๆ หลังจากนั้นไม่นานสนามปฏวิกรก็ต้องย้ายอีกครั้งมาที่ แถบย่านรามอินทรา (เรียบทางด่วน) | ||||